DDR ถูกออกแบบมาเพื่อเพิ่มความเร็วในการรับส่งข้อมูลระหว่างหน่วยประมวลของคอมพิวเตอร์และโปรแกรมคอมพิวเตอร์ โดยปัจจุบันตัวแรมมี DDR อยู่ 4 รุ่นแต่ที่ยังคงใช้กันอยู่จะเป็น DDR3 และ DDR4 ในส่วนของแรม DDR3 นั้นถูกใช้มาตั้งแต่ปี 2007 ก่อนถูกแทนที่ด้วยแรม DDR4 ในปี 2017 และในอนาคตก็จะมีแรม DDR5 เข้ามาแทน BUS ทำหน้าที่ในการส่งข้อมูลอิเล็กโทรนิกส์และด้วยตัวเลขที่เห็นอย่าง 1333Mhz ,2400Mhz หรือ 3600Mhz นั้นคือค่าความเร็วในการรับส่งสัญญาณข้อมูลไปยัง CPU และยิ่งเราใช้แรมที่มีบัสสูงๆความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลก็จะมากขึ้นตามไปด้วย
คือการทำงานของแรมแบบเดี่ยวและแบบคู่ซึ่งหลายคนอาจคิดว่ามันไม่ต่างกัน แต่ความจริงแล้วการทำงานของแรมคู่นั้นดีกว่า โดยการทำงานของ Ram ที่สเปคใกล้เคียงกันแรมแบบ Dual Channel จะทำงานได้ดีกว่าแบบ Single Channel เสมอเพราะการทำงานของ CPU กับ Ram ต้องสัมพันธ์กันคือ Ram จะเป็นตัวพักข้อมูลก่อนส่งข้อมูลไปประมวลผลต่อยัง CPU การใช้แรมตัวเดียวทำให้ข้อมูลไปกระจุกอยู่ในช่องทางเดียว ต่างจากแรมคู่ที่การส่งถ่ายข้อมูลทำเป็นคู่ทำให้ข้อมูลไม่ได้กระจุกตัวการทำงานจึงมีประสิทธิภาพมากขึ้น
หลายคนอาจสงสัยว่าแรมคอมพิวเตอร์กับแรมโน้ตบุ๊คสามารถนำมาใส่แทนกันได้หรือไม่ คำตอบคือไม่ได้ด้วยขนาดที่แตกต่างกันทำให้ไม่สามารถนำมาใช้งานแทนกันได้ โดยแรมโน้ตบุ๊คจะมีขนาดที่เล็กกว่าใช้สถาปัตยกรรมขนาดเล็กต่างจากแรมคอมพิวเตอร์ที่มีขนาดใหญ่กว่า ในเรื่องของราคาเองก็ต่างกันด้วยแรมโน้ตบุ๊คมีขนาดเล็กทำให้ต้องใช้เทคโนโลยีในการผลิตที่สูงกว่าราคาจึงแพงกว่าแรมคอมพิวเตอร์อีกด้วย
เลือกความจุของแรมที่ต้องการว่าจำเป็นต้องใช้กี่ GB หากใช้งานทั่วไปเปิดเบราว์เซอร์ท่องเว็บ ดูหนังฟังเพลงทำงานผ่าน Microsoft Office แรมเพียง 8GB ก็เพียงพอ แต่หากจะเล่นเกมกราฟิกสวยๆหรือเรนเดอร์งานขนาดใหญ่ก็ควรมีแรม 16GB ขึ้นไป สิ่งที่ควรดูต่อมาคือ DDR เพราะต้องดูเมนบอร์ดว่ารองรับแรม DDR รุ่นใดโดยปัจจุบันที่นิยมใช้กันจะเป็น Ram DDR4 แต่หากใช้เมนบอร์ดรุ่นเก่าก่อน Intel Gen6 ก็คงต้องเป็น Ram DDR3 หรือรุ่นที่เก่ากว่า ส่วนต่อมาคือ Bus Speed ของแรมโดยบัสจะเป็นตัวบอกความเร็วในการส่งข้อมูลไปยัง CPU ยิ่งแรมมีบัสสูงอัตราความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลก็จะมากขึ้น
แรม (RAM) หรือ Random Access Memory เป็นอุปกรณ์สำคัญในคอมพิวเตอร์ที่ช่วยให้เครื่องทำงานได้อย่างรวดเร็วและลื่นไหล เมื่อมีการอัปเกรดหรือเปลี่ยนสเปก หลายคนอาจมีแรมเก่าเหลืออยู่ ซึ่งสามารถนำมาขายต่อให้ร้าน รับซื้อแรม เพื่อเปลี่ยนเป็นเงินสดได้ทันที ไม่ว่าจะเป็นแรมของ PC, Notebook หรือ Server ก็มีตลาดรองรับอย่างต่อเนื่อง
ได้เงินสดทันที – ไม่ต้องรอลูกค้ารายย่อย
มีบริการรับซื้อหลากหลายแบบ – ทั้งส่งทางขนส่งหรือนัดรับ
ประเมินราคาตามรุ่นและบัสจริง – ได้ราคาสมเหตุสมผล
ช่วยหมุนเวียนอุปกรณ์กลับมาใช้งานต่อ – ลดการทิ้งเป็นขยะอิเล็กทรอนิกส์
RAM PC Desktop – DDR2, DDR3, DDR4, DDR5
RAM Notebook – SO-DIMM DDR3, DDR4, DDR5
RAM Server – ECC, REG ECC, LRDIMM สำหรับงานเซิร์ฟเวอร์
RAM รุ่นพิเศษ – แรมบัสสูง แรมสำหรับงานโอเวอร์คล็อก
ตรวจสอบรุ่นและความจุ – เช่น DDR4 8GB Bus 3200MHz
ถ่ายภาพตัวแรมชัดเจน พร้อมสติ๊กเกอร์หรือรหัสรุ่น
ส่งข้อมูลให้ร้านประเมินราคา
ตกลงราคาและส่งของ หรือ นัดรับถึงที่ (บางร้านมีบริการ)
ตรวจเช็กและรับเงินทันที
เก็บแรมในสภาพเดิม ไม่มีรอยหรือขาเสีย
ใส่ซองกันกระแทกหรือกล่องเดิมเพื่อป้องกันการชำรุด
แจ้งรายละเอียดให้ครบ เช่น รุ่น, บัส, ความจุ, ปีผลิต
รวมขายหลายตัวพร้อมกันเพื่อให้ต่อรองราคาได้ง่าย
การขายแรม ไม่ว่าจะเป็น RAM PC, RAM Notebook หรือ RAM Server ให้กับร้านรับซื้อ ถือเป็นวิธีที่สะดวก รวดเร็ว ได้ราคาสมเหตุสมผล และยังช่วยให้แรมที่ยังใช้งานได้ถูกนำกลับไปใช้ต่ออย่างคุ้มค่า ลดการสูญเสียทรัพยากรและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
การรับซื้อแรม (RAM) – คู่มือและข้อมูลสำคัญสำหรับผู้ที่ต้องการขายและซื้อ
แรม (RAM – Random Access Memory) ถือเป็นหนึ่งในอุปกรณ์สำคัญของคอมพิวเตอร์และโน๊ตบุ๊ค ทำหน้าที่เก็บข้อมูลชั่วคราวเพื่อช่วยให้ระบบทำงานได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูงขึ้น แต่เมื่อเวลาผ่านไป เทคโนโลยีของแรมก็พัฒนาอย่างต่อเนื่อง จาก DDR2 → DDR3 → DDR4 จนปัจจุบันเริ่มเข้าสู่ยุค DDR5 ทำให้หลายคนที่มีแรมรุ่นเก่า หรือแรมที่ไม่ได้ใช้งานแล้วสนใจขายต่อให้คุ้มค่า ซึ่งตลาด “การรับซื้อแรม” จึงเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่ช่วยให้ทั้งผู้ซื้อและผู้ขายได้รับประโยชน์ร่วมกัน
อัปเกรดเครื่องคอมพิวเตอร์
ผู้ใช้หลายคนต้องการอัปเกรดแรมให้สูงขึ้นเพื่อให้เครื่องทำงานได้เร็วขึ้น เช่น จาก 8GB เป็น 16GB หรือ 32GB ทำให้มีแรมเก่าเหลืออยู่ ซึ่งสามารถขายให้ร้านรับซื้อเพื่อนำเงินไปต่อยอด
คอมพิวเตอร์เสียแต่แรมยังใช้ได้
แม้เมนบอร์ดหรือซีพียูจะเสีย แต่แรมอาจยังอยู่ในสภาพดี สามารถนำไปขายต่อเพื่อให้ผู้อื่นนำไปใช้แทนการซื้อใหม่
ความต้องการของตลาดมือสองสูง
แรมเป็นอุปกรณ์ที่มีอัตราชำรุดน้อยกว่าฮาร์ดดิสก์และการ์ดจอ ทำให้ร้านรับซื้อและผู้ใช้งานมักนิยมซื้อแรมมือสองเพื่อลดต้นทุน
แรมสำหรับพีซี (Desktop RAM) เช่น DDR3, DDR4, DDR5
แรมสำหรับโน๊ตบุ๊ค (Laptop RAM / SO-DIMM)
แรมสำหรับเซิร์ฟเวอร์ (Server RAM / ECC RAM)
แรมความเร็วสูงสำหรับเกมเมอร์ (High-Performance RAM) ที่มีค่าบัสสูงและฮีตซิงค์สวยงาม
รุ่นและมาตรฐาน (DDR3, DDR4, DDR5) – รุ่นใหม่ราคาสูงกว่า
ขนาดความจุ (เช่น 4GB, 8GB, 16GB, 32GB) – ความจุเยอะมักมีราคาดีกว่า
ความเร็ว (Bus Speed) – ค่า MHz สูง ราคาก็มักสูงตาม
สภาพการใช้งาน – แรมที่ไม่มีร่องรอยเสียหายหรือสนิมจะได้ราคาดีกว่า
ยี่ห้อและซีรีส์ – แบรนด์ดังอย่าง Corsair, G.SKILL, Kingston, Crucial มักมีมูลค่าสูง
ทดสอบการทำงาน ด้วยโปรแกรมเช่น MemTest86
ตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่มีรอยไหม้หรือขาเสีย
เช็ดทำความสะอาดด้วยผ้าแห้งเพื่อลดฝุ่น
ถ้ามี กล่องหรือใบเสร็จเดิม อาจช่วยเพิ่มมูลค่า
ขายให้ร้านรับซื้อแรมโดยตรง – ได้เงินเร็ว จบการซื้อขายในวันเดียว
ขายออนไลน์ – ผ่าน Facebook Marketplace, Shopee, Lazada หรือกลุ่มไอที
แลกเปลี่ยนกับร้านซ่อมคอม – บางร้านยินดีรับแรมเก่าเพื่อเป็นส่วนลดซื้อสินค้าใหม่
ตรวจสอบให้แน่ใจว่าข้อมูลในเครื่องถูกลบแล้ว (แม้แรมจะไม่เก็บข้อมูลถาวร แต่ควรถอดออกอย่างปลอดภัย)
เลือกร้านที่มีความน่าเชื่อถือและมีรีวิวดี
เปรียบเทียบราคาหลายแหล่งก่อนขาย เพื่อให้ได้ราคาที่คุ้มที่สุด
สรุป
การรับซื้อแรมเป็นธุรกิจที่เติบโตต่อเนื่อง เพราะแรมเป็นอุปกรณ์ที่สามารถใช้งานได้ยาวนานและไม่เสื่อมสภาพเร็ว ผู้ที่มีแรมเหลือหรือไม่ได้ใช้งานสามารถเปลี่ยนให้เป็นเงินสดได้ง่าย ขณะเดียวกันผู้ที่ต้องการอัปเกรดเครื่องก็สามารถหาซื้อแรมมือสองในราคาประหยัด การเข้าใจปัจจัยที่มีผลต่อราคาและวิธีตรวจสอบสภาพแรมจะช่วยให้คุณซื้อขายได้อย่างมั่นใจและได้ความคุ้มค่าสูงสุด
Line : @buyall (มีเครื่องหมาย@ด้วย)
Email : info@panmakapmue.co.th
โทร : 091-1206831