วิธีเลือกซื้อคอมพิวเตอร์ เมื่อคอมพิวเตอร์ไม่ได้จำกัดแค่อุปกรณ์ตั้งโต๊ะ แต่มีทั้ง Desktop Notebook และ Tablet ซึ่งมีรูปแบบการใช้งานที่แตกต่างกัน
เริ่มกันที่ Desktop คนไทยชอบเรียกว่า PC เป็นคอมตั้งโต๊ะขนาดใหญ่ที่เหมาะกับการตั้งอยู่กับที่ รองรับการใช้งานหนัก เช่น ตัดต่อ ทำกราฟฟิก หรือทำงานหลาย ๆ อย่างพร้อมกัน ข้อดีคือ สามารถเลือกสเปคได้ตามใจชอบ และมีราคาไม่แพง
ถัดมาที่ Notebook คอมพิวเตอร์พกพา ที่ซื้อแล้วจบในเครื่องเดียว พร้อมใช้งานทันที มีให้เลือกหลากหลายทั้ง Ultrabook หรือ 2 in 1 โน้ตบุ๊ครุ่นบางเบา แบตอึด เน้นทำงานทั่วไป มีรูปแบบใช้งานที่หลากหลาย แต่ราคาค่อนข้างสูง Gaming Notebook ออกแบบมาเล่นเกมโดยเฉพาะ ฟังชั่นเยอะ ทำงานหนักได้ แต่แบตน้อย น้ำหนักเยอะ ไม่เหมาะกับการพกพาบ่อย ๆ มีราคาสูง สุดท้ายคือ Notebook ทั่วไป ราคาถูก น้ำหนักปานกลาง ใช้งานได้นานระดับหนึ่ง เน้นเข้าเว็บ ทำงานเอกสาร
มาถึงน้องใหม่อย่าง Tablet ที่ยังได้รับความนิยม อย่าง Apple iPad ที่สามารถต่อคีย์บอร์ดและเมาส์แยก ทำงานบางอย่างได้เหมือนคอมพิวเตอร์ แต่มีน้ำหนักเบา พกพาสะดวก
หากจะซื้อคอมพิวเตฮร์ใหม่ อยากได้สเปกดีจำเป็นต้องมองหาฮาร์ดแวร์รุ่นใหม่ ซึ่งจะทำให้คอมพิวเตอร์ใช้งานได้นานขึ้น โดยที่เทคโนโลยีไม่ตกรุ่น หลัก ๆ ให้สังเกตที่ CPU เพราะหาก CPU เป็นรุ่นใหม่แล้ว ทุกอย่างในเครื่องก็มักจะใหม่ตามไปด้วย
วิธีดูคือหากเป็น CPU ของ Intel ไม่ว่าจะเป็น Core – i3 , i5 หรือ i7 ซึ่งปัจจุบันก็เป็น Gen 11 แล้ว หลักการดูคือสังเกตสติ๊กเกอร์ที่ตัวเครื่อง หรือเลขต่อท้าย คำว่า Core – i7 เช่น Intel® Core™ i7-1185G7 เลขที่ขีดเส้นต้าย คือเลข Gen ซึ่งหลายคนมักลืมข้อนี้ที่เป็นเรื่องที่สำคัญมากไป อย่าไปโดนหลอกให้ซื้อรุ่นเก่า ๆ เช่น Core – i7 32xx ซึ่งเป็น Gen3 ที่เก่ามากแล้วมาใช้
ตอนนี้หากจะซื้อ คอมพิวเตอร์ เครื่องใหม่ ไม่ว่าจะเป็นรุ่นไหนมักก็มี Windows 10 แท้ติดเครื่องมาด้วยอยู่แล้ว นับว่าเป็นเรื่องที่ดี ไม่ต้องวุ่นวายหาลงเพิ่ม แถมได้โปรแกรมแท้ถูกลิขสิทธิ์ สบายใจเวลาใช้งาน คอมมาร์ตแนะนำให้มองหาโปรโมชั่นลดแลกแจกแถมจากร้านค้า ที่บางรุ่นที่แถมเป็น Microsoft Office มาให้ด้วย
แต่หากใครใช้ Desktop หรือ PC แนะนำให้ซื้อ Windows 10 มาใช้ดีกว่า อย่าไปโหลดเถื่อนหรือ Crack มาใช้เลย เพราะมันไม่มีใครใจบุญแบบเมื่อก่อนแล้ว ตัว Crack หลายตัวมักมาพร้อมไวรัสหรือเฟิร์มแวร์ที่แอบฝังลงในเครื่อง